เมนูนำทาง
หลี่ หมิง ประวัติบรรพบุรุษของหลี่หมิงเป็นชาวจีนแคะ (客家) ที่เดิมมีพื้นเพอาศัยในเขตเหม่ยเชี่ยน (梅县区) เมืองเหมยโจว (梅州市) มณฑลกวางตุ้ง (廣東省) ประเทศจีน
พ่อของหลี่หมิงมีชื่อว่า หลี่ซินเฉิง เขามีเชื้อสายจีน-อินโดนีเซีย จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งในปีพ.ศ. 2493 (1950) ปู่ของหลี่หมิงเป็นเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศก๊กมินตั๋ง ต่อมาพ่อของเขาได้ไปทำงานในอำเภอซีเฉิง (西城區) เป็นเขตที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของใจกลางเมืองกรุงปักกิ่งและได้พบรักกับแม่ของเขาที่อาศัยอยู่ที่นั้นในซอยแกะ (羊肉胡同) ในเขตชานเมืองของกรุงปักกิ่ง และเป็นบ้านเกิดของหลี่หมิง
หลี่หมิง มีชื่อเดิมว่า หลี่เจี่ย (黎捷) เกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2509 (1966) ที่กรุงปักกิ่งประเทศจีนและเป็นลูกโทน พอเขาเกิดได้ไม่นานพ่อของเขาได้ย้ายไปทำงานที่ประเทศฮ่องกงจนสร้างตัวได้และมีฐานะร่ำรวย ต่อมาในปีพ.ศ. 2513 (1970) เมื่อหลี่หมิง อายุได้ 4 ขวบคุณแม่ก็ได้พาเขาย้ายตามคุณพ่อไปอยู่ที่ฮ่องกง
แต่แล้วในปีพ.ศ. 2523 (1980) ในขณะที่หลี่หมิง อายุได้ 14 ปี พ่อและแม่ของเขาได้ทำการหย่ากันและหลี่หมิงอยู่ในความดูแลของคุณพ่อ เหตุการณ์นี้ได้สร้างความเสียใจให้แก่หลี่หมิงเป็นอย่างมาก และเพื่อที่จะบรรเทาผลกระทบทางด้านจิตใจของหลี่หมิง คุณพ่อของเขาได้ส่งตัวเขาไปยังสหราชอาณาจักรเพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียนมัธยมปรินซ์ตัน (King's Way Princeton College) ซึ่งเป็นวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ที่เซาท์วาร์ค (Southwark) ในย่านเลวิแชม (Lewisham) ที่ ลอนดอน สหราชอาณาจักร จนถึงปีพ.ศ. 2527 (1984) หลี่หมิงในวัย 18 ปี ได้ศึกษาจนจบในระดับชั้นม.6 และไม่ได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี เพราะโรคไซนัสอักเสบที่เขาเป็นอยู่ เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องกลับไปที่บ้านพักแถวจิมซาจุ่ยในฮ่องกงเพื่อทำการรักษา
หลังจากรักษาสุขภาพจนหายเป็นปกติแล้วเขาได้เริ่มทำงานเป็นพนักงานขายของในบริษัทโทรศัพท์มือถือแห่งหนึ่งและในช่วงนี้เองที่เขาได้พบกับนาย หว่องฮัวฉี (黃華麒) หรือที่รู้จักกันในนาม แฟรงคลิน หว่อง โดยบังเอิญ ซึ่งในตอนนั้นเขาคนนี้เป็นทั้งผู้กำกับภาพยนตร์-ผู้อำนวยการสร้างละครโทรทัศน์ฮ่องกงและยังเป็นผู้อำนวยการด้านการแพร่ภาพกระจายเสียงแห่งฮ่องกงอีกด้วย เขาได้ชักชวน หลี่หมิงให้เข้ามาเล่นเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์ที่เขากำกับและยังแนะนำให้หลี่หมิงเข้าไปสมัครคัดเลือกเป็นนักแสดงของทางสถานีโทรทัศน์เอทีวี ที่กำลังเปิดรับสมัครอยู่ในขณะนั้น และแน่นอนเขาก็สามารถผ่านการคัดเลือกเลยต้องออกจากงานประจำที่ทำอยู่เพื่อเข้าไปอบรมหลักสูตรการแสดงในรุ่นเดียวกับ จางเหมี่ยน (張敏) แต่อย่างไรก็ตามเขากลับสอบไฟนอลไม่ผ่านทำให้เขาเรียนไม่จบหลักสูตรการแสดงกับทางค่ายเอทีวี จากนั้นเขาก็ไปยื่นใบสมัครเข้าเรียนหลักสูตรการแสดงที่สถาบันศิลปะการแสดงของฮ่องกง (the Hong Kong Academy for Performing Arts) แต่การสมัครของเขาถูกปฏิเสธ
บนความโชคร้ายยังคงมีความโชคดีอยู่บ้างในช่วงฤดูร้อนของปีพ.ศ. 2528 (1985) หลี่หมิงได้ถูกชักชวนจากแมวมองท่านหนึ่งที่เห็นแววรุ่งของเขาจึงได้แนะนำให้หลี่หมิงเข้าร่วมการประกวดร้องเพลงในรายการ ค้นคว้าหาดาวครั้งที่ 5 ในปีพ.ศ. 2529 (the New Talent Singing Awards 1986) ซึ่งเป็นรายการประกวดร้องเพลงที่คัดเลือกนักร้องหน้าใหม่เข้าสู่วงการบันเทิงจัดการประกวดโดยสถานีโทรทัศน์ทีวีบี (TVB) และผู้ชนะเลิศการประกวดในปีนั้นเป็นผู้หญิง คือ คุณเหวินเผ่ยหลิง (文佩玲) ส่วน หลี่หมิงก็สามารถคว้ารางวัลรองอันดับสองมาครองได้สำเร็จ ซึ่งบนเวทีการประกวด หลี่หมิงมีบุคลิกที่โดดเด่นเป็นอย่างมากอีกทั้งยังมีใบหน้าที่หล่อเหลาสะดุดตาผู้ชมทำให้ทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบียื่นข้อเสนอให้เขาเข้ามาเป็นนักแสดงในสังกัดทันที ถือได้ว่าเป็นการเปิดประตูเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัวของเขานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและเริ่มมีผลงานทางจอแก้วในปีนั้นเลย แต่เนื่องจาก หลี่หมิงไม่ได้เป็นนักเรียนการแสดงของทางค่ายโดยตรง ทำให้ในช่วงแรกทางช่องให้เขาแสดงชิมลางไปก่อนเพื่อดูกระแสตอบรับจากผู้ชมในตัวเขากับผลงานภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง สายรักสายสัมพันธ์ (She’s not my mother 1986) ซึ่งเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์จบภายใน 60 นาที และบทบาทรับเชิญในซิทคอม เรื่องชีวิตคนเมือง (City Japes 1986) เพื่อเป็นการปูทางก่อนที่จะผลักดันให้เขาได้มีผลงานแสดงละครหลายตอนอย่างเต็มตัว
ต่อมาเขาได้มีโอกาสลงเล่นละครอย่างเต็มตัว และมีผลงานเรื่องแรกในชีวิตการแสดงของเขาคือการรับบทตัวร้ายในละครเรื่อง ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย (Foundlings Progress) เป็นละครที่ออนแอร์ลงสู่จอทีวีในปีพ.ศ. 2530 (1987) และเป็นละครฟอร์มเล็กแถมไม่ยาวอีกต่างหาก แต่กลับฮิตถล่มทลายอย่างไม่น่าเชื่อทำให้ทั้งหลี่หมิงและนักแสดงชายดาวรุ่งอีกคน คือ หลินจุ้นเสียน แจ้งเกิดกับผลงานละครเรื่องนี้ทันที ส่วนดารานำในเรื่อง คือ เฉินหมิ่นเอ๋อ และ เซียะหนิงเป็นตัวเอก หลังจากแจ้งเกิดกับละครเรื่องนี้แล้ว หลี่หมิงได้กลายเป็นดาวรุ่งมาแรงคนหนึ่งของทางช่องจากนั้นได้มีโอกาสขยับจากบทตัวร้ายมาเป็นพระรองเล่นประกบกับดาราสาวดาวรุ่งมาแรงอีกคน หลอฮุ่ยเจียน ในละครเรื่อง ทำไมเป็นแค่เพื่อน (A Friend in Need 1988) โดยมีเยิ่นต๊ะหัว เป็นพระเอก และดาราสาว ชีเหม่ยเจิน เป็นนางเอก และยังเป็นละครที่รวมดาราหน้าใหม่ดาวรุ่งมาเล่นอีกหลายคน ได้แก่ เส้า จงเหิง, หลิน จุ้นเสียน และ เหลียง เพ่ยหลิง ตามต่อด้วยภาพยนตร์โทรทัศน์ 53 นาทีจบ เรื่องคู่รักมฤตยู (Deadly Lovers 1988) เมื่อทางช่องเห็นแววรุ่งจากผลตอบรับที่ดีของผู้ชมละคร จึงทำให้เขาได้มีโอกาสรับบทเป็นพระเอกเต็มตัวในละครถัดมาเรื่อง ศึกชิงบัลลังก์ (Bing Kuen 1988) โดยได้ประกบกับดาราสาว เส้าเหม่ยฉี ในขณะที่ทางช่องกำลังผลักดันส่งเสริมเขาอย่างเต็มที่แต่แล้วก็เกิดปัญหาขึ้นในช่วงที่กำลังถ่ายทำละครเรื่องนี้ หลีหมิง เกิดป่วยเป็นไข้อยู่บ่อย ๆ และมากองถ่ายสายเกือบทุกคิว ทำให้ทั้งผู้กำกับไปจนถึงนักแสดงด้วยกันในละครเรื่องนี้ต่างไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อเรื่องมาสายของเขาถึงหูผู้ใหญ่ของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ทำให้เขาถูกแช่แข็งเป็นเวลา 6 เดือนเพื่อเป็นการสั่งสอน เป็นผลให้ละครถัดมาเรื่อง จอมทัพจิ้นบุ้นกง (Chun Mun Kong Chuen Kei 1989) ที่เขาเล่นประกับ หลอฮุ่ยเจียน ถูกดองไม่ได้ออกอากาศฉายทางฮ่องกง แต่โชคยังดีที่ได้ไปออกอากาศฉายในตลาดต่างประเทศแทนและก็ได้รับความนิยมทั้งใน สิงค์โปร์ และมาเลเซีย ในช่วงที่เขาถูกทางช่องทีวีบีแช่แข็งอยู่นั้นแต่แล้วเขาได้รับการติดต่อเป็นครั้งแรกให้ไปร่วมแสดงละครของทางไต้หวันกับทางสถานีโทรทัศน์ซีทีวี (CTV) ในเรื่อง พายุแห่งชีวิต (風雲時代 1990) ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมในไต้หวัน
หลังจากโดนทางช่องทีวีบีทั้งแช่แข็งและดองงานละครไม่ให้ออกอากาศเพื่อแก้นิสัยมาสายของเขาแล้ว แต่เมื่อเขากลับเข้ามาเล่นละครอีกครั้งก็ยังคงได้รับการส่งเสริมผลักดันจากทางช่องอย่างเต็มที่และมีผลงานยอดนิยมตามมา ได้แก่ กลับเมืองจีนดีกว่า (Yankee Boy 1989) ประกบ นักแสดงสาวสวย หลี เหม่ยเสียน และ โจวเสียนนักร้องเสียงทอง (Song Bird 1989) ประกบกับดาราสาวหน้าใหม่อย่างเฉิน สงหลิง ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ต่างทำให้ หลี่หมิงได้รับความนิยมเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ผลงานละครสุดฮิตเรื่อง มรสุมสายเลือด (Challenge of Life 1990) ออนแอร์ลงสู่จอเป็นละครดราม่าเข้มข้นโดยที่เขาได้แสดงฝีมือประชันบทบาทกับหลิวชิงหวิน, หลีเหม่ยเสียน และ หลอฮุ่ยเจียน ซึ่งผลงานละครเรื่องนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ชมดีมาก จนมาถึงผลงานละครที่ทำให้เขาเริ่มเข้าสู่ยุคทองทางด้านการแสดงจอแก้วและเป็นคู่ขวัญกับดาราสาวชื่อดังในยุคนั้น อย่าง โจว ไห่เม่ย ในเรื่อง ย้อนรักรอยอดีต (Cherished Moments 1990) และยังเป็นผลงานที่ทำให้ทั้งคู่พบรักกัน หลังจากที่โจวไห่เม่ยเพิ่งเลิกลา กับหลี่ เหลี่ยงเหว่ย มาได้สักพักจนเธอได้มาพบรักกับหลี่หมิงจากการเล่นละครร่วมกันในเรื่องนี้ จนมาถึงละครที่ทำให้ทั้งสองยิ่งดังระเบิดกับผลงานเรื่องถัดมาที่ทั้งคู่ได้แสดงร่วมกันอีกครั้งในเรื่อง เพื่อนรักเพื่อนแค้น (The Breaking Point 1991) หลังจากละครเรื่องนี้เขาได้ก้าวขึ้นเป็นพระเอกยอดนิยมแถวหน้าคนหนึ่งของทางของค่ายทีวีบี และเป็นช่วงที่เขามีชื่อเสียงโด่งดังกับผลงานเพลงของเขาที่มีอัลบั้มออกมาอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จทุกอัลบั้มจนได้รับฉายาว่าเป็นหนึ่งใน จตุรเทพ ของวงการนักร้องฮ่องกง ร่วมกับ หลิวเต๋อหัว, กัวฟู่เฉิง และ จางเซียะโหย่ว ทั้งสี่คนเป็นขวัญใจวัยรุ่นหนุ่มสาวในยุคนั้นเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าเมื่อผลงานเพลงประสบความสำเร็จทำให้ผลงานทางด้านละครก็ต้องลดลงตามไปด้วยเพราะเขาไม่ค่อยมีเวลารับเล่นละคร แต่ก็ยังพอมีผลงานที่ประสบความสำเร็จอยู่บ้าง เช่น เทพบุตรผู้พิชิต (The Legendary Ranger 1993) ที่รับบทนำประกบกับนักแสดงสาวสวยในยุคนั้นมากมาย อย่าง หลี่ เจียซิน, จู อิน, หง ซิน และ นักร้องสาวดาวรุ่งดวงใหม่ หวัง จิงเหวิน แต่ทว่าละครเรื่องนี้กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าเรื่อง เพื่อนรักเพื่อนแค้น เพราะเนื้อหาของบทละครที่อ่อนนั่นเอง
หลังจากละครเรื่องนี้หลี่หมิงกลับมีชื่อเสียงโด่งดังไปทางด้านผลงานเพลงมากกว่าและต่อมาหลังจากหมดสัญญาการเป็นนักแสดงกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเขาก็หันไปเอาดีทางด้านภาพยนตร์อย่างเต็มตัวควบคู่ไปกับการร้องเพลง (ซึ่งในความเป็นจริงเขาเคยผ่านการเล่นภาพยนตร์มาบ้างแล้วและประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง) ส่วนละครเรื่องสุดท้ายกับทางค่ายทีวีบีในปีพ.ศ. 2537 (1994) คือเรื่อง สวัสดีคุณครู (Class of Distinction 1994) ที่ประกบกับนักแสดงหน้าใหม่มากมาย อย่าง ซุนซวน, จูเจี้ยนจวิน และ หลีฉีหง หลังจากหันหลังให้กับการเล่นละครก็ประเดิมการแสดงภาพยนตร์เรื่อง รันชายเดียวในหัวใจ (仙人掌 1994) เป็นภาพยนตร์ที่ฉายเฉพาะในฮ่องกง ตามด้วยผลงานภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมเรื่อง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ภาคพิเศษ (Love And The City , 都市情緣 1994) และ นักฆ่าตาชั้นเดียว (墮落天使 1995) จนมาถึงผลงานที่เขาได้ร่วมแสดงนำกับราชินีจอเงิน อย่าง จางม่านอวี้ ในภาพยนตร์รักโรแมนติก เรื่อง เถียน มี มี่ 3650 วันรักเธอคนเดียว (甜蜜蜜 1996) ผลงานการกำกับของ ปีเตอร์ ชาน โดยใช้เพลงเถียนมี่มี่ ของ เติ้ง ลี่จวิน เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ เมื่อออกฉายได้กลายเป็นหนังที่ได้รับความสำเร็จอย่างท่วมท้นทั้งรายได้และรางวัล จนปีต่อมานิตยสารไทม์ จัดให้เป็นภาพยนตร์แนวรักโรแมนติกที่ดีที่สุดเป็นอันดับสองของโลกในปีพ.ศ. 2540 (1997) ตามต่อด้วยผลงานเรื่อง คนตัดคนภาคพิเศษ ตอน กำเนิดเกาจิ้ง (賭神三之少年賭神 1997) และ ชีวิตข้า...ขอกล้าที่จะรัก (半生緣 1997) ซึ่งทั้งสองเรื่องก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน
หลังจากที่ฮ่องกงได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากอังกฤษกลับคืนสู่ประเทศจีน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 (1997) วงการบันเทิงฮ่องกงก็ค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ยุคตกต่ำในตลาดเอเชียมาตั้งแต่นั้น โดยถูกส่วนแบ่งการตลาดเอเชียกับทั้งภาพยนตร์และละครซีรีส์จากประเทศอื่น ๆ เช่น ไต้หวัน, จีน และเกาหลี โดยเฉพาะภาพยนตร์และซีรีส์เกาหลี ในตอนนั้นสามารถไปตีตลาดนอกประเทศเกาหลีได้สำเร็จและไปดังในหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชีย และเกิดกระแสฟีเวอร์ดาราเกาหลีขึ้นมาแทนโดยเฉพาะในประเทศไทย เป็นผลทำให้ทั้งภาพยนตร์และละครดังในฮ่องกงหลายเรื่องไม่ได้ไปแพร่หลายตามตลาดเอเชีย และถึงแม้จะมีผลงานดังในฮ่องกงบางเรื่องได้นำออกสู่ตลาดเอเชีย แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมหรือประสบความสำเร็จเหมือนดั่งในอดีตอีกเลย
ถึงแม้จะมีผลกระทบดังกล่าว แต่สำหรับชาวฮ่องกงยังคงให้ความนิยมในตัวของ หลี่หมิง เหมือนเดิม ผลงานภาพยนตร์ในยุคหลัง ๆ ของเขาที่ยังคงประสบความสำเร็จในฮ่องกงและในบางประเทศมีหลายเรื่อง เช่น คนบินตอร์ปิโด (神偷次世代 2000), นักฆ่า ล่าทะลุมิติ (天使夢 2000), ฝ่าเกมรักกับดักอันตราย (不死情謎 2001), อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต (三更 2002), อึดคู่อันตราย (雙雄 2003), ปิดตำนานสองคนสองคม (無間道III終極無間 2003), 7 กระบี่เทวดา (七劍 2005), จอมใจบัลลังก์เลือด (江山美人 2008), 5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น (十月圍城 2009) และ มังกรสร้างชาติ (建國大業 2009) เป็นต้น และในปีพ.ศ. 2558 (2015) ภาพยนตร์เรื่อง หยางกุ้ยเฟย สนมเอกสะท้านแผ่นดิน (Lady of the Dynasty 2015) ได้สร้างความเกรียวกราวเป็นอย่างมากเมื่อมีฉากอีโรติกที่เขามีเซ็กซ์บนหลังม้าอันแสนเร่าร้อนกับดาราสาวฟ่าน ปิงปิง จนถูกกองเซ็นเซอร์ของจีนตัดฉากนี้ออกไป
หลังจากที่โลดแล่นกับผลงานภาพยนตร์อยู่นาน แต่แล้วในปีพ.ศ. 2561 (2018) หลี่หมิงได้กลับไปร่วมงานแสดงละครกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีอีกครั้งหลังจากที่เขาไม่ได้ร่วมงานกับทางค่ายทีวีบีมานานถึง 24 ปี โดยประเดิมกับผลงานละครเรื่องสยบฟ้าพิชิตปฐพี (ever night 2018) และมีผลงานแนวสากลแอ็คชั่น ตามมาอีกเรื่อง คือ เทพบุตรล่าล้างทรชน (Overseas security officer 2018) โดยรับบทเป็น เว่ยเทียน อดีตเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการณ์พิเศษคุ้มครองคนระดับวีไอพี (VIP) ที่ไปมีส่วนร่วมในภารกิจระดับชาติ ร่วมแสดงกับ หลี่ไคซิน และ หยางเล่อ
เมนูนำทาง
หลี่ หมิง ประวัติใกล้เคียง
หลี่ หลี่ เหลียนเจี๋ย หลี่ หมิง หลี่ อี้เฟิง หลี่ เหลียงเหว่ย หลี่ ชิ่น หลี่ ปิงปิง หลี่ ไป๋ หลี่ ชิงยฺหวิน หลี่ ไช่ฟ่งแหล่งที่มา
WikiPedia: หลี่ หมิง http://www.efaw.cn/html/jyb_cf/2008416/JA6G15341.h... http://gb.chinareviewnews.com/doc/1000/6/7/5/10006... http://www.imdb.com/name/nm0481709// http://www.imdb.com/name/nmhttps://m.imdb.com/name... http://www.leonfamilytw.com/ http://www.leonfansclub.com/ http://weibo.com/5644390764? http://news3.xinhuanet.com/ent/2005-02/17/content_... http://ent.cn.yahoo.com/070301/322/28zkb.html http://www.amusic.hk/